ดร.นิเวศน์มอง “คริปโตทุกเหรียญเท่ากับชิพคาสิโน”

โดยท่าน ดร.นิเวศน์ได้เริ่มต้นจากการประกาศ “แบน” ของแบงก์ชาติ ในเหรียญคริปโต ที่เปรียบเสมือน จรวดลูกใหญ่ โดยการแบนใช้เหรียญดิจิทัลไม่ให้

ชำระค่าสินค้าและบริการ หรือกระทำที่เป็นการสนับสนุน การชำระสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การโฆษณาและการชักชวนใดๆ ของ ก.ล.ต. ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

เพราะคุณสมบัติที่ไม่พอของบิทคอยน์ บิทคอยน์นั้นมีคุณสมบัติไม่พอที่จะเป็นเงินดิจิทัล และท่าน คิดว่าในไม่ช้ารัฐบาลของหลายๆประเทศก็คงออกเหรียญของตนเอง เช่น หยวนคอยน์ เพื่อป้องกันปัญหาเงินเฟ้อ แต่บิทคอยน์มีคุณสมบัติเหมือนกับ “ทองดิจิทัล” ที่มีค่าในแง่เก็บรักษาความมั่งคั่งและใช้เป็น “เงินสำรอง” แต่ก็คงยากที่จะได้รับการยอมรับแตกต่างกัน ทองคำมีอายุ 5-6 พันปี แตกต่างจากบิทคอยน์หรือเหรียญดิจิทัล ที่เสกขึ้นมาได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก

คือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นมา หรือบางทีในอนาคตก็อาจจะ “หาย” ไปได้ในเสี้ยววินาทีด้วยวิธีเดียวกัน

วลี “ชิพคาสิโน”

โดยสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองของ ดร.นิเวศน์ “ถ้าบิทคอยน์ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแทนทั้งเงินและทอง แล้วมันเป็นอะไรกัน” และเขาได้ตอบด้วยตัวเอง สำหรับเขาแล้วประโยชน์ของมันคือเป็นเหรียญที่คน “เอามาเล่นเก็งกำไร” หรือ “เล่นการพนัน” ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ก็คือ เหรียญเหล่านั้นก็คล้ายๆ กับ “ชิพคาสิโน” ที่คนเข้าไปเล่นการพนันจะต้องซื้อจากคาสิโนเพื่อที่จะเข้าไปเล่น แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็จะขาดทุน บางคนก็อาจจะกำไร แต่คนที่น่าจะกำไรมหาศาลโดยแทบไม่ต้องเสี่ยงก็คือ เจ้าของคาสิโน ซึ่งในความคิดของผมก็คือ “คนที่ผลิตเหรียญดิจิทัล” ให้คนเข้ามาซื้อเพื่อที่จะเล่น เหตุเพราะต้นทุนการผลิตต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของเหรียญที่ตนเองจะได้

“สร้างสตอรี่” จากนักพัฒนา หรือเจ้ามือคาสิโน

คนที่ผลิตเหรียญ ไม่ใช่ทุกรายที่จะทำเงินได้ ถ้าคนไม่เข้ามาเล่น มาซื้อ วิธีที่จะทำเงินนั้นจึงอยู่ที่การ “สร้างสตอรี่” ว่าคาสิโนนั้นจะมีคนสนใจเข้าไปเล่นมาก เพราะคนอยากเล่น อยากมีสิทธิพิเศษที่หาได้ยาก เช่น สิทธิ“เมตาเวิร์ส” แต่ผู้สนใจจริงๆคงมีน้อย ไม่พอที่จะดึงดูดให้คนเข้าคาสิโนเจ้าของทำกำไรได้ สิ่งที่จะดึงดูดคนทั่วไปจริงๆ ก็คือ คนที่จะเข้าไปสิทธิ ซื้อขาย เหรียญเหล่านั้นเพื่อ “เก็งกำไร” ยิ่งถ้าคิดว่าจะมีคนสนใจอยากได้เหรียญมาก พวกนักเก็งกำไรก็จะเข้าไปดักซื้อก่อนเพื่อที่จะขายต่อในราคาที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ดังนั้น เหรียญหรือชิพที่จะประสบความสำเร็จอย่างน้อยก็จะต้องสร้างภาพว่าเหรียญจะเป็นที่ต้องการและราคาเหรียญก็จะต้องปรับตัววิ่งขึ้นโดดเด่น วันเดียวกำไร สำหรับ ดร.นิเวศน์ นั้นมีเหตุผลไม่สนใจ คริปโต เพราะความเสี่ยง ของเหรียญที่ซิ่งและมีการปั่นราคาจากเหตุผลที่ว่า “นักลงทุนรุ่นใหม่” และทำได้ตลอดเวลา ไร้การสอดส่องดูแลแบบในตลาดหลักทรัพย์

“ส่วนหนึ่งตัวผมเองอาจจะตามกระแสหรือความรู้ใหม่ ๆ ไม่ทัน อาจมีความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงบางอย่าง 'ผมไม่ปฏิเสธ' ที่จริงผมขี้เกียจเรียนรู้ในสิ่งที่คิดว่า 'ยากเกินไป' อยู่แล้ว เพราะของแบบนี้เราอาจจะผิดหรือพลาดง่าย ผมชอบอะไรที่ง่าย ๆ ”