简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ราคาซื้อขายของ บิทคอยน์ อยู่ที่ $31,885.7 เมื่อเวลา 03:19 ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันจันทร์ (11ม.ค.)ดีดตัวขึ้น 15.40 ดอลลาร์
ราคาซื้อขายของ บิทคอยน์ อยู่ที่ $31,885.7 เมื่อเวลา 03:19 (20:19 GMT) ของวันจันทร์ แรงขายที่ทำให้ราคาขยับลงนี้ ยังส่งผลให้มูลค่าซื้อขายรวมของ บิทคอยน์ ลดลงเหลือ $589.9B หรือคิดเป็น 68.50% ของมูลค่าตลาดสกุลเงินคริปโตทั้งหมด ทั้งนี้ มูลค่ารวมของ บิทคอยน์ นั้นเคยแตะระดับสูงสุดที่ $758.5B ก่อนหน้านี้ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยราคาพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 42,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การทะยานขึ้นของบิทคอยน์จะสะดุดลง หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
นายนูเรล รูบินี หรือ ดร.ดูม ผู้ที่เคยทายวิกฤติซับไพร์มได้อย่างถูกต้องเมื่อทศวรรษที่แล้ว และนายปีเตอร์ ชิฟฟ์ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ มองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เก็งกำไรที่ไม่มีคุณค่าในตัวเอง และฟองสบู่บิทคอยน์จะระเบิดออกในที่สุด
ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันจันทร์ (11ม.ค.)ดีดตัวขึ้น 15.40 ดอลลาร์ จากคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองมีแนวรับที่ 1,830 ดอลลาร์ และมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 1,880 หรือ 1,900 ดอลลาร์
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในระยะกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องจำนวนมากจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินจนถึงปี 2565 และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสหรัฐเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ