ทองคำร่วง 2 วันติด หลังพาวเวลกล่าวถึงเงินเฟ้อในการแถลง

โดย Barani Krishnan

Investing.com - ทองคำยังคงตอบสนองต่อความกังวลเรื่องเงินเฟ้อหรือไม่？

คำตอบที่ถูกต้องคือ “เมื่อตลาดสะดวก”

ราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกันเนื่องจาก ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ พุ่งขึ้นเหนือระดับ 92 สำคัญหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในปีนี้น่าจะเป็น “ครั้งเดียว” นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าธนาคารกลางมีเครื่องมือทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าแรงกดดันด้านราคาถูกยึดไว้ที่เป้าหมาย 2%

ทองคำ ปิดตัวลง 13 ดอลลาร์หรือ 0.8% ที่ 1,725.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์อ้างอิงจาก Comex ของนิวยอร์ก ในเซสชั่นก่อนหน้านี้หายไป 0.2%

“ในหลาย ๆ วันที่ผ่านมานี้ไม่มีความชัดเจนว่าทองคำกำลังเคลื่อนตัวไปทางใด โดยมีการเคลื่อนไหวของทรัพย์สินไปยังบอนด์และเงินดอลลาร์ทั้งหมด” Philip Streible นักยุทธศาสตร์ด้านโภคภัณฑ์ของ Blueline Futures ในชิคาโกกล่าว

คำพูดของพาวเวลในวันนี้ว่าผลกระทบจากเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวก็เพียงพอที่จะส่งเงินดอลลาร์ขึ้นและทองคำลง แต่ความกังวลทั้งหมดเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ทองคำกลายเป็นทรัพย์สินปลอดภัย ดังนั้นทองคำยังคงตอบสนองต่อความกังวลเรื่องเงินเฟ้อได้หรือไม่？ คำตอบคือ ใช่เมื่อตลาดสะดวก

พาวเวลกล่าวกับคณะกรรมการบริการทางการเงินของรัฐสภาในวอชิงตันว่าอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเปิดอีกครั้ง “จะไม่หยุดนิ่ง”

เฟดจะ “ให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจต่อไปตราบเท่าที่ต้องใช้เวลา ... เนื่องจากภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบในทางลบมากที่สุดจากการฟื้นตัวของไวรัสและด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคมที่มากขึ้นยังคงทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ” พาวเวลกล่าว

ทองคำไม่ได้เป็นที่หลบภัยสำหรับนักลงทุนมาเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดพุ่งสูงเกินอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลทะยานขึ้นแทน

นักลงทุนไว้วางใจทองคำในฐานะทรัพย์สินที่จะช่วยให้รอดพ้นจากการระบาด โดยเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือนมีนาคมปี 2020 ที่ต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 2,100 ดอลลาร์ นับตั้งแต่นั้นได้ลดลงโดยเปลี่ยนเป็นตลาดหมีในช่วงสั้น ๆ โดยลดลงมากถึง 20% สู่ระดับต่ำสุดต่ำกว่า 1,675 ในช่วงต้นเดือนนี้

ในขณะที่ทองคำได้คลานออกมาจากเหว แต่ก็ติดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,750 เหรียญโดยไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างชัดเจน