简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ดูเหมือนว่าเหรียญ Bitcoin จำนวนกว่า 900 BTC ที่ได้รับมาในยุคแรก ๆ นั้น ล่าสุดจะมีการเคลื่อนย้ายเกิดข
ดูเหมือนว่าเหรียญ Bitcoin จำนวนกว่า 900 BTC ที่ได้รับมาในยุคแรก ๆ นั้น ล่าสุดจะมีการเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นแล้ว หลังไม่มีการเคลื่อนไหวมาเกือบทศวรรษ ข้อมูลจาก Bitcoincharts เผยว่า เหรียญ Bitcoin จำนวนดังกล่าว ถูกสร้างขึ้นในยุคของ Satoshi เมื่อ 10 ปีก่อน และเพิ่งมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2020 โดยแบ่งการทำธุรกรรมออกเป็นจำนวน 20 รายการ รายการละ 50 BTC Bitcoin ทั้งหมดมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 33,794,136 ดอลลาร์ (ในช่วงเวลาที่ทำธุรกรรมของวันอังคาร) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 278,041% นับตั้งแต่ปี 2012 ที่น่าสนใจก็คือ กระเป๋าเงินปลายทางที่ได้รับ Bitcoin จำนวนดังกล่าวไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆเกี่ยวข้องกับกระดานแลกเปลี่ยนหรือนักลงทุนคริปโตเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังเป็นที่สังเกตว่า กระเป๋าเงินดังกล่าวได้รับ Bitcoin จำนวนเล็ก ๆ หลายรายการตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สันนิษฐานได้ว่าธุรกรรมเหล่านั้นอาจจะถูกส่งเข้ามาเพื่อใช้ในการโจมตี dusting attacks อะไรคือ Dusting attacks ? Dusting attacks คือ เทคนิคการเจาะข้อมูลรูปแบบใหม่ที่แฮกเกอร์หรือมิจฉาชีพนั้นจะเข้าไปติดตามข้อมูลของผู้ใช้จากการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี่ บนเครือข่ายบล็อกเชน การโจมตีแบบ dusting attack โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นกับบิทคอยน์เท่านั้น แต่ล่าสุดเหรียญคริปโตสกุลเงินอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน หากเปรียบเทียบการโจมตีนี้ ก็เปรียบเสมือนเศษฝุ่น ที่มีขนาดเล็กมากและมีและยากที่สังเกตุ ดังนั้น dust ก็คือจำนวนคริปโตที่น้อยที่สุดในสกุลนั้น เช่น ในกรณี บิทคอยน์ นั้นก็คือ 1 ซาโตชิ (0.000000001 BTC) ที่โอนไปยังกระเป๋าเงินของเหยื่อเพื่อเฝ้าติดตามดูการธุรกรรมนั่นเอง
กดอ่านข่าว เจ้ามือรายหนึ่งเริ่มโอน Bitcoin มูลค่า 1 พันล้านบาท หลังไม่ได้เคลื่อนไหวมานับตั้งแต่ปี 2012 ต่อที่ Siam Blockchain
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ