รีวิวสถานการณ์ตลาดน้ำมันและทองคำประจำสัปดาห์

การปะทะกันครั้งแรกของซาอุดิอาระเบียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทำให้นักลงทุนรู้สึกว่ากลุ่ม OPEC+ ทำลายล้างตัวเอง เพราะทำให้ทางกลุ่มพลาดกำไรไปมากกว่า 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบของสหรัฐที่เคยขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 76.98 ดอลลาร์ ก็กลับมาปิดที่ราคา 71.81 ดอลลาร์ภายในวันที่ 16 กรกฎาคม

ทางกลุ่มฯประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเพิ่มอุปทานอีก 2 ล้านบาร์เรลตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม หรือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน นั่นคือข้อตกลงเดิมก่อนที่ซาอุดีอาระเบีย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะขัดแย้งกัน

ตอนนี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังจะได้เพิ่มฐานการผลิตเป็น 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 3.168 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน

ส่วนซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่เป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวันจาก 11 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน

การเพิ่มปริมาณการผลิตดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอกับความต้องการที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ตัวเลขอุปสงค์นั้นเป็นการคาดการณ์ก่อนการระบาดของโควิดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์การระบาดของโควิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวจะเป็นอย่างไร แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า มันจะยังคงแพร่ระบาดหนักเหมือนเดิม

ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำด้านการฉีดวัคซีนต้านไวรัสของโลก มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยรุนแรงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า

สหรัฐมีวัคซีนให้สำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่มาเป็นเวลาหลายเดือน แต่ยังคงมีเพียง 48.2% ของประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน และจากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา อัตราการฉีดวัคซีนใหม่กำลังลดลง

OPEC+ พยายามที่จะฉลาดในการเพิ่มการผลิต เนื่องจากเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าความต้องการสำหรับน้ำมันในอนาคตจะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของการแพร่ระบาด

บทสรุปราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันรายสัปดาห์ที่แล้วแย่ที่สุดในรอบหลายเดือน แม้ว่าราคาขยับสูงขึ้นในวันศุกร์

น้ำมันดิบ WTI ซื้อขายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ 71.46 ดอลลาร์ หลังจากในวันศุกร์ที่เพิ่มขึ้น 16 เซนต์หรือ 0.2% ที่ 71.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับสัปดาห์ที่แล้ว WTI ลดลง 2.75 ดอลลาร์หรือ 3.7% นั่นเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา

น้ำมันเบรนท์มีการซื้อขายช่วงก่อนสุดสัปดาห์ที่ 73.14 ดอลลาร์หลังจากเพิ่มขึ้น 12 เซนต์หรือ 0.2% ในวันศุกร์ที่ราคา 73.59 ดอลลาร์ สำหรับสัปดาห์ที่แล้ว น้ำมันเบรนท์ลดลง 1.96 ดอลลาร์หรือ 2.6% นั่นเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์จนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม

ตลาดทองคำและบทสรุปราคา

ราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 แม้จะร่วงลงเมื่อวันศุกร์ กลับสู่แนวรับสำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์ และดูเหมือนว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนั้นต่อไป

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสำหรับเดือนสิงหาคม ในตลาด Comex ของนิวยอร์กทำการซื้อขายช่วงก่อนสุดสัปดาห์ที่ 1,812.60 ดอลลาร์ หลังจากปิดที่ 1,815 ดอลลาร์ ลดลง 14 ดอลลาร์หรือ 0.8% สำหรับสัปดาห์ที่แล้วถือว่าเพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์หรือ 0.2%

ยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบที่แนวโน้มเงินเฟ้อในปัจจุบันจะมีต่อทองคำ ซึ่งเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านราคาที่พุ่งสูงขึ้น

แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นเกือบ 1% หลังจากพาวเวลล์ออกแถลงการณ์ในวันพุธที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับดังกล่าวได้มากนักในวันศุกร์ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งสูงขึ้น จากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน

“แถลงการณ์ของพาวเวลล์ไม่เพียงพอที่จะทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาให้คำมั่นในนโยบายของเฟด” เอ็ด โมยา นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าว

ทองคำอาจมีแรงขับเคลื่อนน้อยลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของเฟดเข้าสู่ช่วงพักการดำเนินงาน ก่อนที่จะมีการพิจารณานโยบายการเงินรายเดือนของคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐ (FOMC)

“การซื้อขายทองคำมีแนวโน้มที่จะผันผวน จนกว่าจะมีการตัดสินใจเชิงนโยบายของ FOMC ในวันที่ 28 กรกฎาคม” โมยากล่าวเสริม

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: Barani Krishnan ใช้มุมมองที่หลากหลายในการวิเคราะห์ตลาดด้วยความเป็นกลาง เขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ในสินค้าโภคภัณฑ์และหลักทรัพย์ที่เขาเขียนถึง