简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เหรียญมีสองด้านฉันใด โลกก็มีสองสีฉันนั้น ไม่เว้นแต่ในโลกของ ‘Bitcoin’ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันนั้นสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ตลาดมืด’ ได้เหมือนกัน
‘ตลาดมืด’ ไม่ใช่ตลาดตอนกลางคืนอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันคือ ตลาดที่มีการซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ในเรื่องของราคา หรือตัวสินค้าเอง ซึ่งเกิดจากผลการควบคุมราคาสินค้าโดยรัฐบาล เช่น การกำหนดราคาขั้นสูงของสินค้า การแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นต้น ในกรณีนี้จะก่อให้เกิดการขาดแคลนหรือความต้องการส่วนเกินขึ้น หากไม่สามารถควบคุมได้ไม่ทั่วถึงจะทำให้มีการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนกันในราคาที่สูงกว่ารัฐบาลกำหนดไว้
‘Bitcoin’ และ การฟอกเงิน
เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่ามันสามารถทำได้จริงหรือไม่? เพราะ ‘Bitcoin’ นั้นถูกเชื่อว่ามีส่วนพัวพันเกี่ยวกับการฟอกเงินอยู่บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เคยมีอดีตนักเทรดคริปโตและผู้บริหารเว็บเทรดชื่อดัง ของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกจับกุม และตัดสินจำคุกนานถึง 41 เดือน โทษฐานฟอกเงินผ่าน ‘Bitcoin’ ที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นต้น
ทั้งนี้การที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้ง่าย เนื่องจากมันมีจุดเด่นตรงที่ ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรเลยในการเปิดบัญชี ทำให้ตกเป็นเครื่องของการฟอกเงินได้ง่าย ซึ่งแตกต่างจากการเปิดบัญชีเงินสดทั่วไปที่ต้องมีการใช้เอกสาร บัตรประจำตัวประชาชนต่างๆ เพื่อปกกันการฟอกเงิน
‘Bitcoin’ และ การซื้อขายของผิดกฎหมาย
เป็นที่รู้กันดีว่า ‘Bitcoin’ สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูง และมีอิสระในการทำธุรกรรม เปิดบัญชีก็ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยันตัว จนทำให้มันถูกใช้เป็นเครื่องในการแลกเปลี่ยนสินค้าผิดกฎหมายในตลาดมืดได้ เช่น ยาเสพติด อาวุธสงคราม เป็นต้น ตามเว็บไซต์ต่างๆ เพราะยากต่อการตรวจสอบข้อมูล มากกว่าการใช้ทำธุรกรรมทั่วไปที่สามารถตรวจสอบ
‘Bitcoin’ และ เครื่องมือก่ออาชญากรรม
‘Bitcoin’ ช่วงนี้กำลังมาแรงมากๆ ยิ่งเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นแบบนี้ มันจึงเป็นกลายเป็นเครื่องมือชั้นดีของกลุ่มอาชญากรที่ทำงานอยู่ในมุมมืด หรือประกอบธุรกิจสีดำ ต่างพากันออกมาหาวิธีเพื่อใช้ ‘Bitcoin’ ในการหลอกลวงนักลงทุนหัวอ่อน ที่มีความโลภ และไม่ชอบตรวจสอบข้อมูลจนกลายเป็นเหยื่อของกลโกง เพื่อสร้างกำไรให้กับตัวเองได้อย่างมหาศาล ซึ่งมักจะมาในหลายๆ รูปแบบ เช่น
1. การปั่นราคา ให้คนเกิดความสนใจเข้ามาลงทุน พอราคาเหรียญขึ้นก็เทขาย
2. Romance Scam แฝงตัวมาตามแอปหาคู่ ชักชวนให้ลงในแอปเทรดคริปโตเถื่อน
3. Rug pull หลอกลวงให้ลงทุน แล้วโอนเงินออกพร้อมชิ่งหนีไป
4. Fake ICOs การระดมทุม สร้างแอปพลิเคชัน ให้คนมาลงทุนเป็นสกุลเงินคริปโต แล้วสร้างเหรียญแจกคืน
5. แชร์ลูกโซ่ สร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา โฆษณาเกินจริง ให้คนมาลงทุน แล้วฉกเงินหนี
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเรื่องราวอีกด้านของ ‘Bitcoin’ ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้คุณยังลงทุนใน ‘Bitcoin’ หรือตลาดคริปโตได้อย่างสบายใจ ก็คือ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ หรือหากใครไม่อยากตกเป็นเหยื่อของกลโกง ก็อย่าลืมโหลดแอป ‘Wikibit’ ติดมือถือไว้แล้วใช้มันตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ‘เว็บเทรดคริปโต’ ‘เหรียญ’ และโครงการ ‘DeFi’ แถมตัวแอปยังมีการอัปเดตขอข่าวสาร สาระความรู้ กลโกงต่างๆ เกี่ยวกับคริปโต ให้คนได้เสพอีกด้วย
คุณเองก็สามารถติดตามข่าวสารดีๆ ในวงการคริปโตได้ เพียงแค่กดติดตามเพจ ‘Wikibit’ แล้วโหลดแอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ มาไว้ในมือถือ แถมตัวแอปยังมีฟีเจอร์โดนๆ สำหรับนักลงทุน อย่าง การตรวจสอบ เป็น ‘เว็บเทรดคริปโต’ ‘เหรียญ’ และโครงการ ‘DeFi’ ไว้ให้อีกด้วย เพียงแค่คุณกดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้น ถือว่าครบจบในแอปเดียว โหลดเลย!
ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโต พร้อมตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน ได้ที่….
App : “WikiBit” (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!)
Facebook : https://www.facebook.com/Wikibit.th/ (กด SEE FRIST เพื่อที่คุณจะไม่พลาดข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ จากทางเพจ)
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บิทคอยน์และทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยบิทคอยน์มีปริมาณจำกัด 21 ล้านเหรียญ ซึ่งสร้างความมั่นใจในการคาดการณ์มูลค่า ขณะที่ทองคำไม่มีปริมาณแน่นอนเนื่องจากเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถค้นพบเพิ่มเติมได้ ทั้งสองมีวิธีการเก็บรักษามูลค่าที่แตกต่างกัน บิทคอยน์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ปลอดภัย ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์จับต้องได้ที่มีความเสี่ยงต่อการขโมย สำหรับความสะดวกในการเคลื่อนย้าย บิทคอยน์สามารถส่งไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทองคำต้องการการขนส่งทางกายภาพที่ยุ่งยาก ดังนั้นการเลือกลงทุนระหว่างบิทคอยน์และทองคำขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนพร้อมรับ โดยควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดกับตนเอง
ประกาศยุติสนับสนุนสเตเบิลคอยน์ USDC
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรด Forex
หลอกลงทุนทองคำ รับผลตอบแทนสูง เหยื่อนับร้อยสูญเงินกว่า 100 ล้านบาท
Vantage
VT Markets
FBS
HFM
IQ Option
XM
Vantage
VT Markets
FBS
HFM
IQ Option
XM
Vantage
VT Markets
FBS
HFM
IQ Option
XM
Vantage
VT Markets
FBS
HFM
IQ Option
XM