简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:โดยคนส่วนใหญ่กลัวว่ามันจะกระทบต่อราคาของ ‘Bitcoin’ ในอนาคต ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ จะส่งผลกระทบต่อ ‘Bitcoin’ ได้อย่างไรนั้น เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย!!
ดูเหมือนว่าในช่วงหลังๆ มานี้ เรื่องภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ ในสหรัฐ จะกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นักเทรดในกลุ่มคริปโตได้หยิบยกมันขึ้นมาพูดถึง โดยส่วนใหญ่กลัวว่ามันจะกระทบต่อราคาของ ‘Bitcoin’ ในอนาคต ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ จะส่งผลกระทบต่อ ‘Bitcoin’ ได้อย่างไรนั้น เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย!!
ภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ระดับของราคาสินค้ามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกันมันยังเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ค่าเงินมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน หรืออธิบายแบบง่ายๆ คือ ค่าเงินถูกลง สินค้าแพงขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถซื้อสินค้าชิ้นเดิมในราคาเดิมได้อีกแล้วนั่นเอง
ต่อมาปัญหาภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ นั้นกำลังรุกรานเข้ามาเรื่อยๆ ในประเทศสหรัฐ หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid 19 ส่งผลให้ปัจจัยต่างๆ ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในรอบ 10 ปี วัดจากราคาสินค้า และบริการที่ชาวสหรัฐต่างใช้สอยที่เป็นตัวแปรหลักของเรื่อง โดย ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะพุ่งขึ้นถึง 3.4% และจะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ในปีต่อไป ซึ่งมันสูงกว่าเป้าที่ทาง FED ตั้งไว้ที่ 2.0%
โดยมีสาเหตุมาจากประชาชนในประเทศส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกมาซื้อสินค้ามากขึ้น และธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินได้อย่างดีขึ้น แถมทางรัฐยังส่งเงินเยียวยาอย่างเต็มที่ให้กับประชาชน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ จนทำให้ FED ตัดสินใจส่งสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจาก 0.00 – 0,25% เป็น 0.50 – 0,75% ซึ่งนับว่าเร็วกว่าที่นักลงทุนในตลาดการเงินโลกคิดไว้ว่าน่าจะปรับขึ้นในปี 2567
หลังจาก FED ส่งสัญญาณดังกล่าวออกไป ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่เว้นแต่ ‘Bitcoin’ ที่ราคาตกลงกว่า 20% ในช่วงที่ผ่านมา เพราะมันถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ได้ให้ดอกออกผลระหว่างทาง ทำให้นักลงทุนต่างเทขาย จึงไม่แปลกที่มันจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ทั้งนี้การปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็สร้างความเป็นไปได้ว่าราคาของ ‘Bitcoin’ จะตกลงมาอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ‘Bitcoin’ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ไม่สามารถคาดการณ์อะไรกับมันได้อย่างแน่ชัด ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องติดตามข่าวสารของมันอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์ และวางแผนในการลงทุน ซึ่งคุณสามารถติดตามข่าวสาร เกี่ยวกับราคาในตลาด และสาระความรู้ต่างๆ ในวงการคริปโตได้ที่แอป ‘Wikibit’ แถมตัวแอปยังสามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลของ ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้อีก ดีเยี่ยมขนาดนี้ใครไม่โหลด ถือว่าพลาด!!
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ เป็นแอปที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบ ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้น ‘Whitepaper’ แถมตัวแอปยังมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร และรูปแบบกลโกงในวงการคริปโตไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วย ถือว่าครบจบในแอปเดียว โหลดเลย!!
ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโต พร้อมตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน ได้ที่….
App : “WikiBit” (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!)
Facebook : https://www.facebook.com/Wikibit.th/ (กด SEE FRIST เพื่อที่คุณจะไม่พลาดข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ จากทางเพจ)
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทวิเคราะห์ Bitcoin
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
Vantage
FBS
FXTM
Pepperstone
ATFX
Tickmill
Vantage
FBS
FXTM
Pepperstone
ATFX
Tickmill
Vantage
FBS
FXTM
Pepperstone
ATFX
Tickmill
Vantage
FBS
FXTM
Pepperstone
ATFX
Tickmill