วิเคราะห์ราคาทองคำ หลังเฟด 'คง' อัตราดอกเบี้ย

สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําดีดตัวขึ้นในช่วงต้นหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟต)มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ย และคงวงเงิน QE ที่ 1.2 แสนล้าน ติอลลาร์เดือนตามเดิม แต่ใน Economic Projections บ่งชี้ว่า เฟตได้ปรับ “ลด” ตัวเลขคาดการณ์ GDP ในปี 2021 พร้อมปรับ “เพิ่ม” คาดการณ์อัตราการว่างงานในปี 2021

แม้จะปรับ “เพิ่ม คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2021 และ 2022 ก็ตาม ซึ่งสะท้อนว่าเฟดมีมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการว่างงาน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคําพุ่งขึ้นไป ทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,787.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคําจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก Dot plot ประจําเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า จํานวนเจ้าหน้าที่เฟดที่หนุนการ ”ขึ้น“ ดอกเบี้ย และหนุนให้ยัง ”คง ดอกเบี้ยตามเดิมในปี 2022 มีจํานวน 9 รายเท่ากัน

ดังนั้น “หากมีเจ้าหน้าที่เฟดที่หนุนการขึ้นดอกเบี้ยในปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกเพียง 1 ราย” เฟดอาจจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยอย่าง เร็วที่สุดในปี 2022 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้ ขณะที่นายพาวเวล ประธานเฟดระบุว่า การปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE (CE tapering) “อาจสิ้นสุดลงประมาณกลางปี หน้า” และการประกาศลต QE อย่างเป็นทางการ “อาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนพ.ย.” ปัจจัยดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นจนกดดันราคาทองคําให้ร่วงลงแรง ล่าสุด ทดสอบระดับต่ําสุดบริเวณ 1,760.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชีย ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลาง อังกฤษ(มีโออี) การเปิดเผยจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ และดัชนีชี้นําเศรษฐกิจจาก CB

แม้ว่าแรงขายจะลดลงแต่แรงช้อนซื้อสลับเข้ามาก็ไม่ มาก หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,773-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจมีผลให้ราคาปรับตัวลงเพื่อ สะสมกำลัง หากราคาทองย่อตัวลงมาพยายามทรงตัวเหนือระดับ 1,758-1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้มีโอกาสเกิดแรงซื้อดันราคาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

คําแนะนํา เน้นเก็งกําไรระยะสั้นการเข้าซื้อควรรอราคา อ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ 1,758-1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทํากําไรบางส่วนหาก ราคาทองคําไม่ผ่านโซน 1,773-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือสถานะซื้อต่อ