简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Evergrande บ.อสังหายักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศว่า ‘อาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ไหว’ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีก็ไม่น่าจะหนีพ้น
Evergrande บ.อสังหายักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศว่า ‘อาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ไหว’ หลังมีหนี้ท่วมหัว 10 ล้านล้านบาท หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ และตลาดคริปโทก็ดูท่าจะหนีไม่พ้น
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ‘Evergrande’ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แถวหน้าของจีน ประกาศว่าทางบริษัทจะ “ไม่การันตีว่าจะมีเงินพอสำหรับปฎิบัติตามคำสั่งทางการเงินอีกต่อไป” สำหรับมาจ่ายหนี้ท่วมหัวมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว ‘10 ล้านล้านบาท’
ถึงแม้ว่า Evergrande จะเป็นเพียงบริษัทบริษัทหนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยขนาดของ Evergrande ที่มีขนาดใหญ่มหึมาอย่างมาก จึงทำให้ถ้าหากบริษัทล้มละลายขึ้นมาจริงๆ อาจจะก่อเกิดให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสเกลระดับโลก ส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีก็ไม่น่าจะหนีพ้น
แล้วเกี่ยวอะไรกับ Crypto..?
เฟสบุ๊คชื่อผู้ใช้ Niran Pravithana ได้แสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจคือ USDT เป็น stablecoin ที่ตรึงค่ากับดอลล่าร์แบบ 1:1 โดยบริษัท Tether เป็นผู้ออกเหรียญ หลักการตรึงค่าเงินของ USDT คือ มีสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินดอลล่าร์สำรองทำปริมาณการ mint USDT
ซึ่งผมเคยพูดไว้หลายครั้งว่า USDT ≠ USD
ความเสี่ยงของ USDT ขึ้นกับผู้ออกเหรียญก็คือบริษัท Tether ว่าเก็บทุนสำรองในรูปแบบไหน
USDT ไม่ได้มีดอลล่าร์สำรองแบบ 1:1 นะครับ แต่ทุนสำรองกว่าครึ่ง ไปถือตราสารหนี้ระยะสั้น/หุ้นกู้ของบริษัทเอกชน
ดอลล่าร์ที่ฝากธนาคาร ธนาคารก็ล้มละลายได้ แบบที่เคยเกิดกับ Lehman Brothers
หุ้นกู้บริษัทเอกชน บริษัทเอกชนก็ล้มละลาย หนี้สูญได้
ซึ่งคนเชื่อกันว่า Tether นั้นมีทุนสำรองส่วนนึง ที่ถือหุ้นกู้ของ Evergrade ซึ่งถ้า Evergrade ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ ก็แปลว่าทุนสำรองส่วนนั้นอาจจะกลายเป็นหนี้สูญ และกระทบกับความมั่นคงของ USDT ในที่สุด
วิธีที่ดีที่สุดในการ peg ค่าเงิน แบบในอุดมคติเลย คือ ต้องเอาทุนสำรองดอลล่าร์ใส่ตุ่มฝังไว้ใต้ดินครับ ไม่ใช่เอาไปฝากธนาคาร หรือเอาไปซื้อหุ้นกู้
กรณีนี้ Tether ออกมาปฏิเสธแล้ว ว่าไม่มีหุ้นกู้ Evergrade ใน portfolio แต่สุดท้าย ในโลกของ decentralization ที่เราฝันกันนักฝันกันหนา เราต้องมาเชื่อถือสกุลเงินที่ออกโดยคนกลางบริษัทนึง ที่กล่าวอ้างว่าทำทุกอย่างถูกต้อง โดยเราตรวจสอบไม่ได้จริงหรือ
ทำไม Tether แค่เปิดเผย portfolio ของตัวเองให้โลกรับรู้ไม่ได้ล่ะ..? เรื่องง่ายๆ สร้างความโปร่งใส แต่กลับไม่ทำ
สุดท้ายแล้วผมเลยมั่นใจในสกุลเงินที่ peg ด้วย algorithm บางประเภทมากกว่า เพราะอย่างน้อย มันก็ตรวจสอบได้ และไม่ต้องไปยึดติดกับ “trust” ที่เราต้องมีให้ “ตัวกลาง” อย่าง Tether, Coinbase, Binance
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ