简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บิทคอยน์ (BTC) ได้ผ่านตลาดหมีมาถึง 20 ครั้งที่แตกต่างกัน และในที่สุดมันก็เริ่ม
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บิทคอยน์ (BTC) ได้ผ่านตลาดหมีมาถึง 20 ครั้งที่แตกต่างกัน และในที่สุดมันก็เริ่มที่จะพิสูจน์ตัวเอง?
บิทคอยน์ (BTC) ได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 และถูกวางแผนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากนโยบายการเงินที่หละหลวม ผู้สร้างสกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง Satoshi Nakamoto กล่าวเมื่อปลายปี 2008 ว่า อุปทานของสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นตามจำนวนที่วางแผนไว้ ซึ่งไม่ส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ
สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งมีอุปทานหมุนเวียนอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งคาดว่าจะขุดได้ครบในปี 2140 เมื่อถึงตอนนั้น อัตราเงินเฟ้อของ BTC จะลดลงเหลือศูนย์ ในทางตรงกันข้าม สกุลเงินปกติ หรือ fiat currency มีอุปทานที่ไม่จำกัด และสามารถพิมพ์ขึ้นมาได้ตลอด เพื่อปรับนโยบายการเงิน
นโยบายการเงินแบบขยายตัว เช่น นโยบายที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกใช้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีเป้าหมายเพื่อขยายปริมาณเงินโดยการลดอัตราดอกเบี้ย และเห็นว่าธนาคารกลางมีส่วนร่วมในการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
นโยบายการเงินแบบขยายตัวนี้เชื่อกันมานานแล้วว่าจะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งหมายถึงการลดค่าเงิน ท่ามกลางต้นทุนสินค้าและบริการที่สูงขึ้น
ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนได้แตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กรมแรงงานได้เปิดเผยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (CPI) ของสหรัฐเดือนพฤศจิกายน โดยตัวเลขออกมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษที่ 6.8% สิ่งนี้ทำให้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญจับตามองบิทคอยน์ (BTC) ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ
ตลาดเอเชียและยุโรปร่วงลงในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวางแผนที่จะใช้มาตรการใหม่ เพื่อควบคุมแรงกดดันที่เกิดขึ้น สาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการพิมพ์เงินโดยรัฐบาลทั่วโลก ซึ่งกำลังจะแย่ลงไปอีก เนื่องจากการระบาดใหญ่ที่ลุกลาม
ในช่วงที่ COVID-19 ระบาดระลอกแรก ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและตลาดคริปโตได้ปรับตัวลดลงในช่วงแรก แต่ราคาบิทคอยน์ (BTC) และเหรียญ altcoins ก็ปรับตัวขึ้นมาในภายหลัง และเติบโตแบบทวีคูณ ทำให้บิทคอยน์ได้รับการจับตามองในฐานะทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อในหมู่สถาบันและนักลงทุนรายย่อย อันที่จริงแล้ว การระบาดครั้งใหญ่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสถาบันเร่ิมยอมรับบิทคอยน์มากขึ้นเมื่อต้นปีนี้
นอกจากนี้โควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron ที่กำลังแพร่ระบาด เริ่มก่อให้เกิดความกลัวในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม และผู้เชี่ยวชาญด้านคาดการณ์อีกไตรมาสหนึ่งสำหรับตลาดการเงิน
บิทคอยน์จะเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง?
คริปโตเคอเรนซี่ขึ้นชื่อในเรื่องความผันผวนอย่างมาก โดยราคาอาจร่วงลงถึง 50% ในช่วงเวลาสั้น ๆ ความผันผวนที่สูงนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า BTC และคริปโตอื่น ๆ สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้หรือไม่
นักกลยุทธ์จาก JPMorgan ยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารใน Wall Street ได้แนะนำว่า การจัดสรรพอร์ต 1% ในบิทคอยน์ สามารถใช้เป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์ประเภทเดิมได้ นอกจากนี้นักลงทุนมหาเศรษฐีอย่าง Carl Icahn ได้ใช้ BTC เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Adrian Kolody ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Domination Finance กล่าวว่า นอกจากบิทคอยน์แล้ว ในพื้นที่คริปโตเคอร์เรนซี ยังมีวิธีอื่นในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้อีก
นาย Kolody ชี้ไปที่ภาคการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เขาแนะนำว่าการใช้ stablecoins — ซึ่งเป็นคริปโตที่มีกลไกการควบคุมราคา และ decentralized applications (DApps) นักลงทุนสามารถทำผลตอบแทน “แซงหน้าเงินเฟ้อ” พวกเขาเพียงแค่ต้องหาวิธีที่จะได้รับดอกเบี้ยจากเหรียญ stablecoin ซึ่งจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปี
BTC ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าทองคำอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากได้เพิ่มขึ้นมากถึง 94% นับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม เมื่อเทียบกับทองคำ ที่ลดลงมากกว่า 8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าจนถึงตอนนี้นักลงทุนยังล้มเหลวใช้โลหะมีค่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามในระยะยาว เป็นที่น่าสนใจว่าบิทคอยน์จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้จริงหรือไม่?
DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
HFM
Vantage
Tickmill
IQ Option
ATFX
EC Markets
HFM
Vantage
Tickmill
IQ Option
ATFX
EC Markets
HFM
Vantage
Tickmill
IQ Option
ATFX
EC Markets
HFM
Vantage
Tickmill
IQ Option
ATFX
EC Markets