简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เป็นข่าวใหญ่รับปีใหม่ เมื่อกรมสรรพากรแจ้งว่า ‘กำไรจากคริปโต ต้องยื่นภาษีให้ถูกต้อง’ เพื่อเป็นการดับร้อน วันนี้ WikiBit จะพาไปรู้จักเหล่าประเทศที่เทรดคริปโตได้แบบไม่ต้องจ่ายภาษี
เป็นข่าวใหญ่รับปีใหม่ เมื่อกรมสรรพากรแจ้งว่า ‘กำไรจากคริปโต ต้องยื่นภาษีให้ถูกต้อง’ ทำเอาคนออกมาวีนกันใหญ่เลย บ้างก็ว่าเก็บแพงเกินไป ไม่แฟร์กับเทรดเดอร์ บ้างก็บอกว่าอะไร ๆ ยังไม่ชัดเจน ถ้าขาดทุนจะเอามาลดหย่อนได้รึป่าว ยังไม่มีคำตอบ เพื่อเป็นการดับร้อน วันนี้ WikiBit จะพาไปรู้จักเหล่าประเทศที่เทรดคริปโตได้แบบไม่ต้องจ่ายภาษี เผื่อใครแพลนจะย้ายไป ลองไปดูกันนะจ๊ะ!
1. เปอร์โตริโก้
เปอร์โตริโกมีกฎหมายภาษีที่ชิลมาก ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มจากสินทรัพย์ที่ได้รับหลังจากย้ายมาที่นี่ นักลงทุนแทบไม่ต้องจ่ายภาษีกำไรจากคริปโตของพวกเขาเลย
2. หมู่เกาะเคย์เเมน
หมู่เกาะเคย์แมน เป็นเขตอำนาจศาลที่เสนอการยกเว้นภาษีสำหรับกิจกรรม crypto ทุกประเภท ทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ พร้อมทั้งเป็นมิตรกับธุรกิจอีกด้วย
3. แอนติกา
รัฐบาล Antiguan วาง Position ประเทศให้เป็นศูนย์กลางบล็อคเชนและสกุลเงินดิจิทัล ร่างกฎหมายทรัพย์สินดิจิทัลปี 2020 แสดงถึงท่าทีผ่อนปรนของเกี่ยวกับภาษีกำไรจากเงินลงทุน ภาษีเงินได้ และภาษีความมั่งคั่งทำให้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นปลายทางยอดฮิตของนักเทรดคริปโต
4. บาร์เบโดส
บาร์เบโดสเป็นจุดสนใจสำหรับนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัล เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจเกิดใหม่ มีกฎหมายภาษีที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน crypto ประเทศกำหนดอัตราภาษีตั้งแต่ 0% ถึง 5.5% สำหรับผลกำไรสำหรับบริษัทนอกอาณาเขต และอัตราภาษีจะลดลงเมื่อผลกำไรเพิ่มขึ้น
5. สวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในแหล่งเก็บภาษีที่รู้จักกันดีที่สุดในโลก เนื่องจากภาษีที่หละหลวม ขณะที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด โดยได้อนุญาตให้คนที่ร่ำรวยจ่ายภาษีต่ำ ๆ มาเป็นเวลานาน สำหรับธุรกรรม Crypto ก็ได้รับการปฏิบัติในลักษณะเดียวกับการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิม กำไรและขาดทุนจากการ crypto ทั้งหมดได้รับการยกเว้นจากการรายงานภาษี
6. เยอรมนี
เยอรมันไม่ได้เก็บภาษีจากการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลที่ถือครองมานานกว่าหนึ่งปี นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นภาษี 600 ยูโรสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่แลกเปลี่ยนเป็นเงินเฟียตหรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ
7. เบลารุส
ด้วยกฎหมายที่เป็นมิตรกับ crypto ที่ประกาศใช้ในปี 2018 เพื่อให้กิจกรรม crypto ถูกกฎหมาย และยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องเป็นเวลาห้าปีจนถึงปี 2023 ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นและเทรดเดอร์ในอุตสาหกรรม crypto ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งเสริมภาคการเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโต จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ประเทศนี้จะอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลกในด้านการซื้อขายคริปโต
8. สิงคโปร์
สิงคโปร์เนื่องมีระบบการเงินที่พัฒนามากและกฎหมายและอัตราภาษีที่เอื้ออำนวย บุคคลและธุรกิจที่ถือสินทรัพย์ crypto เพื่อการลงทุนระยะยาวไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีกำไรจากการขาย เนื่องจากสิงคโปร์ไม่ได้กำหนดภาษีประเภทนี้เลย
9. ฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษ (SAR) ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำที่มีกฎหมายการเก็บภาษีคริปโตที่เป็นมิตร สินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงที่ซื้อและถือไว้เป็นการลงทุนระยะยาวไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ
10. มาเลเซีย
มาเลเซียไม่ถือว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นทรัพย์สิน หรือเงินที่ถูกกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ ธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลจึงไม่ต้องเสียภาษี และสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ กฎหมายนี้ใช้เฉพาะกับบุคคลเท่านั้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับคริปโต ต้องปฏิบัติตามกฎภาษีเงินได้ของมาเลเซีย
โลกยังไม่ได้มีกรอบกฎหมายที่ยึดร่วมกัน ทำให้เราจะเห็นได้ว่า กฎหมายเกี่ยวกับภาษีคริปโตในแต่ละประเทศล้วนแตกต่างกันไป บางประเทศที่อาจไม่ได้ส่งเสริมด้านนี้ก็อาจมีนโยบายเรียกเก็บภาษี ขณะที่ประเทศที่อยากให้คริปโตเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนก็อาจกำหนดภาษีที่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา
กลับมาติดตามข่าวสารที่สดใหม่ รวดเร็ว ถึงใจ พร้อมบทความเกร็ดความรู้ในโลกคริปโตแบบนี้ ได้ที่ “WikiBit” แอปนำเสนอข่าวสารวงการคริปโต พร้อมให้บริการตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน เพียงแค่กดค้นหา ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะขึ้นมาแบบจัดเต็ม ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทวิเคราะห์ Bitcoin
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตลาดคริปโต
กว่าจะมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เรื่องราวของ Vitalik Buterin เป็นมาอย่างไร?
HFM
FxPro
FBS
Pepperstone
STARTRADER
VT Markets
HFM
FxPro
FBS
Pepperstone
STARTRADER
VT Markets
HFM
FxPro
FBS
Pepperstone
STARTRADER
VT Markets
HFM
FxPro
FBS
Pepperstone
STARTRADER
VT Markets