简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:มือใหม่จดเลย ! ทำความรู้จักกับการเทรด MACD
วันนี้แอดเหยี่ยวนำบทความดี ๆ จากคุณ Alice Veronica มาฝากกันอีกแล้ว โดยเนื้อหาในครั้งนี้คือเรื่อง “ ทำความรู้จักกับการเทรด MACD”
MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence คือตัวชี้วัดที่บอกทิศทางแนวโน้มของราคา เป็นเครื่องมือที่มีแนวคิดจาก Moving Average 2 เส้นที่มีค่าแตกต่างกัน
MACD เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ดูเเนวโน้ม เเละเเรงส่ง (Momentum) ของเเนวโน้มได้
MACD ประกอบไปด้วยสามส่วนหลัก คือ
• MACD ผลต่างระหว่างเส้น EMA 12 และเส้น EMA 26
Center Line เป็นเส้นแนวนอน เป็นเส้นที่ MACD = 0
(เส้นที่ EMA12 เท่ากับ EMA 26)
• Signal Line คือค่าเฉลี่ย EMA 9 วันของ MACD
• MACD Histogram คือระยะห่างระหว่าง MACD และ Signal Line
สูตรการคำนวณ MACD
MACD = EMA12 - EMA26
เมื่อสูตรคำนวณเป็นแบบนี้ แสดงว่า MACD จะมีค่าเป็น ลบ บวก หรือศูนย์
• ถ้า MACD มีค่าเป็นบวก
แสดงว่าเส้น EMA12 มีค่ามากกว่า EMA26 หรือเส้น EMA12 อยู่เหนือเส้น EMA26 แนวโน้มทิศทางราคาเป็นขาขึ้น
• ถ้า MACD มีค่าเป็นลบ
แปลว่าเส้น EMA12 มีค่าน้อยกกว่า EMA26 หรือเส้น EMA12 อยู่ใต้เส้น EMA26 แนวโน้มทิศทางราคาเป็นขาลง
• ถ้า MACD มีค่าเป็นศูนย์
แสดงว่าเส้น EMA12 มีค่าเท่ากับเส้น EMA26 ซึ่งก็คือจุดตัดกันของทั้ง 2 เส้น
MACD = EMA (12) - EMA(26)
EMA (12) อยู่ใต้ EMA (26)
EMA (12) มีค่าน้อยกว่า EMA (26)
ค่า MACD เป็น (-)
MACD = EMA (12) - EMA (26)
EMA (12) อยู่เหนือ EMA (26)
EMA (12) มีค่ามากกวว่า EMA (26)
ค่า MACD เป็น (+)
ส่วนประกอบของ MACD
1.MACD ผลต่างระหว่างเส้น EMA 12 และเส้น EMA26
2.Center Line เป็นเส้นแนวนอน เป็นเส้นที่ MACD = 0 (เส้นที่ EMA12 เท่ากับ EMA26)
3.Signal Line คือค่าเฉลี่ย EMA 9 วันของ MACD
4.MACD Histogram คือระยะห่างระหว่าง MACD และ Signal Line
ซื้อขายด้วยสัญญาณ MACD
ตัวอย่างกราฟ MACD#1 : กราฟราคาได้ Breakout 1732.29 ขึ้นมา และในตัวอย่างเราจะเห็น MACD Histogram อยู่เหนือเส้น Zero Line บ่งบอกว่ากราฟมีแรง Buy
ตัวอย่างกราฟ MACD#2 : หลังจากนั้นกราฟได้ไปต่อเพราะมีการ Breakout และ MACD มีแรง Buy ทำให้กราฟมีโอกาสไปต่อสูงมาก การที่สัญญาณ Histogram อยู่เหนือเส้น Zero Line ทำให้บ่งบอกว่ากราฟมีแรง Buy ค่อนข้างมาก
ซื้อขายด้วยสัญญาณ MACD
ตัวอย่างกราฟ MACD#1 : กราฟราคามีลักษณะที่เป็นเทรนด์ขาลงทำ High ต่ำลง และมีการ Breakout ลงมา และ MACD มีแรงลงเพราะ Histogram อยู่ต่ำกว่า Zero Line บ่งบอกว่ากราฟมีแรงลงค่อนข้างมาก
ตัวอย่างกราฟ MACD#2 : สามารถเข้าออเดอร์ Sell ได้เพราะ กราฟเป็นเทรนด์ขาลง และสัญญาณ MACD มีแรงลง ทำให้กราฟมีโอกาสลงต่อ
ซื้อขายด้วยสัญญาณ MACD
ตัวอย่างกราฟ MACD#1 : กราฟมีลักษณะที่เป็นเทรนด์ขาขึ้นที่ยก Low ขึ้นเรื่อย ๆ และ MACD มีแรง Buy เพราะ Histogram อยู่เหนือเส้น Zero Line ทำให้มีแรง Buy สูง
ตัวอย่างกราฟ MACD#1 : ข้อจำกัดของการเทรด MACD คือ ช่วงกราฟเป็น Sideway เพราะแท่ง Histogram จะสังเกตยากว่าเป็นแรว Buy หรือแรง Sell
ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจากเพจ Alice Veronica, WarriorTrader
แอดเหยี่ยวหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญก่อนที่จะเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ไหนก็ตาม แอดอยากให้ศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ถือว่าแอดเตือนแล้วนะ!!! อย่าลืมมาตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี !
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎของ 72 เป็นสูตรที่เรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่า ภายในเวลากี่ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนด หรือหากนักเทรดรู้ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว กฎนี้ยังช่วยคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่คุณต้องการได้ด้วย
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง
บทวิเคราะห์ทองคำ
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
FBS
EC Markets
TMGM
XM
FP Markets
OANDA
FBS
EC Markets
TMGM
XM
FP Markets
OANDA
FBS
EC Markets
TMGM
XM
FP Markets
OANDA
FBS
EC Markets
TMGM
XM
FP Markets
OANDA