简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:กนง.เสียงแตกมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.25% ต่อปี วันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี ขณะที่จีดีพีปี 2567 อยู่ที่ 2.6% เป็น 2.7% และปี 2568 อยู่ที่ 3.0% เหลือ 2.9%
กนง.เสียงแตกมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.25% ต่อปี วันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี ขณะที่จีดีพีปี 2567 อยู่ที่ 2.6% เป็น 2.7% และปี 2568 อยู่ที่ 3.0% เหลือ 2.9%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้มีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่าจุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลางยังเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี
ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วน
หนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง
อยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ
ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า
ศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ปรับดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม รวมถึง SMEs ยังถูกกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 1.2 ตามลำดับ
โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อ
หมวดพลังงานมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากผลของฐาน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 0.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงจากสินค้านำเข้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์
ในระยะปานกลางยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ปรับแข็งค่า ตามทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักและปัจจัยเฉพาะในประเทศ ด้านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อโดยรวมชะลอลง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SMEs กลุ่มธุรกิจที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิต
ด้านคุณภาพสินเชื่อปรับด้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุนนโยบายของ ธปท. ที่ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหา
ภาระหนี้ที่ตรงจุดและมีส่วนช่วยกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวม รวมถึงนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่ต่ำเกินไปจนนำไปสู่การสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ระบบเทรด PVSRA (Price, Volume, Support and Resistance Analysis) เป็นกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ตลาดที่มุ่งเน้นการศึกษา ราคา ปริมาณการซื้อขาย และแนวรับ-แนวต้าน เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เล่นหลักในตลาดและคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต การวิเคราะห์ประกอบด้วยการติดตามแนวโน้มราคา การประเมินปริมาณการซื้อขายเพื่อดูแรงกดดัน และการระบุจุดที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดหรือพลิกกลับ โดยแบ่งการเข้าเทรดเป็นสองกรณี ได้แก่ ขาขึ้นและขาลง ระบบ PVSRA ช่วยให้ผู้เทรดตัดสินใจได้ดีขึ้นในตลาด Forex ผ่านการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ แต่อาจมีจุดอ่อนที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกและความต้องการประสบการณ์ในการตีความข้อมูลอย่างถูกต้อง.
บทความนี้กล่าวถึงการเริ่มต้นเทรด Forex โดยอธิบายถึงจำนวนเงินขั้นต่ำที่จำเป็นในการเริ่มต้นและปัจจัยที่ควรพิจารณา การฝากเงินเข้าไปในบัญชีเทรดเป็นขั้นตอนแรก ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์มียอดฝากขั้นต่ำที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปมักเริ่มต้นที่ $5 ถึง $50 การเลือกโบรกเกอร์จึงควรพิจารณาทั้งเงื่อนไขการฝากและการถอนเงิน รวมถึงโบนัสโปรโมชั่นที่อาจมีให้ แม้การเริ่มต้นเทรดจะใช้เงินไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสำเร็จจะตามมาโดยอัตโนมัติ การบริหารความเสี่ยง การจัดการเงินทุน และการศึกษาเกี่ยวกับตลาดเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าจำนวนเงินทุนในบัญชี สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มฝึกในบัญชีทดลอง (Demo) ก่อน เพื่อทำความเข้าใจการใช้เครื่องมือต่าง ๆ และเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์จริงในตลาด เมื่อพร้อมแล้วค่อยเปิดบัญชีจริงเพื่อเทรด การมีทุนหนาอาจช่วยลดความเสี่ยงบางส่วน แต่ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ เพราะนิสัยการเทรดและการจัดการเงินทุนเป็นปัจจัยหลักในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
บทวิเคราะห์ทองคำ
เปรียบเทียบโบรกเกอร์
XM
IG
IC Markets Global
HFM
FxPro
TMGM
XM
IG
IC Markets Global
HFM
FxPro
TMGM
XM
IG
IC Markets Global
HFM
FxPro
TMGM
XM
IG
IC Markets Global
HFM
FxPro
TMGM