简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ล่าสุด Bitcoin กลับตกลงมาที่ 37,009 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,221,116.48 บาท) จนทำให้นักลงทุนบางคน เริ่มหมดความเชื่อมั่น และตั้งคำถามว่าราคาของมันสามารถพุ่งทะยานได้ถึง 100,000 ภายในสิ้นปีนี้ ได้จริงหรอ?
ช่วงนี้กราฟราคาของ ‘Bitcoin’ กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ราคาของมันจะพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบเดือนถึง 40,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,319,060 บาท) ได้เมื่อไม่นานมานี้ แต่ล่าสุดมันกลับตกลงมาที่ 37,009 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,221,116.48 บาท) จนทำให้นักลงทุนบางคน เริ่มหมดความเชื่อมั่น และตั้งคำถามว่าราคาของมันสามารถพุ่งทะยานได้ถึง 100,000 ภายในสิ้นปีนี้ ได้จริงหรอ?
แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่หมดคิดแบบนั้น เพราะยังมีนักลงทุนอีกมากที่ยังคงเชื่อมั่นว่ามันสามารถเป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อถึงสิ้นปี 2021 ‘Bitcoin’ จะครบรอบอีกหนึ่งวัฏจักร 4 ปีครั้ง ในปี 2022 ส่งผลให้ราคาของมันสามารถดีดตัวขึ้นสูงได้อย่างคาดไม่ถึงในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ยังมีนักลงทุนรายใหญ่อีกหลายท่านที่ยังคงเชื่อมั่นใน ‘Bitcoin’ แล้วถือมันไว้ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับเม่าทั้งหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘Cathie Wood’ CEO ของ ‘ARK Invest’ ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนในงานประชุม ‘The B World’ ที่ผ่านมาว่าตนนั้นยังคงเชื่อมั่นว่า ‘Bitcoin’ จะสามารถพุ่งไปแตะ 500,000 ดอลลาร์ ได้ตามคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญอีกหลายๆ ท่าน ซึ่งทาง ‘Wikibit’ มองว่าสิ่งที่หญิงสาวคนนี้เชื่อมั่นนั้นไม่ผิด และมันสามารถเกิดขึ้นจริงได้แน่ในอนาคต ขอเพียงแค่ทุกคนอย่าหมดหวังในตัวมัน
ต่อมาได้มีเว็บไซต์ที่ชื่อว่า ‘blockchaincenter.net’ เปิดเผยกราฟราคาสีรุ้งของ ‘Bitcoin’ ตามวัฏจักรของมัน เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าในทุกๆ 4 ปี ราคาของมันสามารถดีดตัวขึ้นได้จริง พร้อมลูกเล่นความหมายตามกล่องสีต่างๆ ให้นักลงทุนได้วิเคราะห์ตามความเชื่อส่วนบุคคลในการลงทุนว่าควรจะทำอย่างไรหากราคา ‘Bitcoin’ อยู่ในจุดนี้ ซึ่งแต่ละสีนั้นจะมีความหมายที่แตกต่างกัน เช่น สีเหลืองนั้นบอกให้ถือมันไว้ ส่วนสีแดงนั้นบอกให้ขายมันสะ
จากตารางดังกล่าว จะสังเกตได้ว่าราคาของ ‘Bitcoin’ ในวันนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 37,205 ดอลลาร์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ของสีเหลือง ที่หมายถึง คุณควรถือมันไว้ก่อน เพราะมองจากกราฟแล้ว สามารถบอกได้ว่า ‘Bitcoin’ มีแนวโน้มที่พุ่งสูงขึ้นตามวัฏจักรของมัน
ไหนก็พูดถึง ‘Bitcoin’ กันแล้วเรามาดูรีวิวข้อมูลของมันในแอป ‘Wikibit’ กันดีกว่าว่าจะปังสมชื่อเหรียญแม่แห่งวงการคริปโตไหม? โดย ‘Bitcoin’ เป็นเหรียญที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 1 ของ Ranking พร้อมได้คะแนนจากแอปอยู่ที่ 9.07/10 คะแนน มีมูลค่าการตลาดอยู่ที่ 24.2725 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังมีอัปเดต ‘Whitepaper’ ประกอบไว้ให้นักลงทุนเข้าไปศึกษาข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ ‘Bitcoin’ และเหรียญอื่นๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจก่อนลงทุนด้วยตัวเองได้แล้วที่แอป ‘Wikibit’ แถมตัวแอปยังมีสาระความรู้ดีๆ เกี่ยวกับคริปโต ไว้ให้คุณได้เรียนรู้อีกด้วย
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ เป็นแอปที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบ ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้น ‘Whitepaper’ แถมตัวแอปยังมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร และรูปแบบกลโกงในวงการคริปโตไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วย ถือว่าครบจบในแอปเดียว โหลดเลย!!
ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโต พร้อมตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน ได้ที่….
App : “WikiBit” (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!)
Facebook : https://www.facebook.com/Wikibit.th/ (กด SEE FRIST เพื่อที่คุณจะไม่พลาดข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ จากทางเพจ)
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทวิเคราะห์ราคาบิตคอยน์
บทวิเคราะห์ราคาบิตคอยน์
บทวิเคราะห์ Bitcoin
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า